เรียบเรียงโดยJoh Burut
เปิดตัวครั้งแรกของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับ 2016 All New TOYOTA PRIUS รถไฮบริดที่พลิกประวัติศาสตร์วงการอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างยิ่งใหญ่ ในครั้งนี้ เจ้า PRIUSตัวใหม่ล่าสุดได้ทำการเปิดตัวที่ Las Vegas (ลาซ เวกัส) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่รถยนต์ไฮบริดได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ
TOYOTA PRIUS คันล่าสุดนี้เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของรถไฮบริดพิมพ์นิยมจากแดนซามูไร ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว PRIUS รุ่นบุกเบิกได้ขึ้นฝั่งจากเกาะญี่ปุ่นมาทำตลาดโกลบอล (Global Market) ตั้งแต่ปี 1990 และได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากบรรดาลูกค้ารักษ์โลก นั่นทำให้ TOYOTA PRIUS กลายเป็นรถไฮบริดไฟฟ้า-น้ำมันที่ประสบความสำเร็จเท่าที่สุดในโลกเคยมีมา
สำหรับดีไซน์ของ PRUIUS GEN-4 คันนี้... มองจากภายนอกก็ทราบได้ทันทีว่าได้รับอิทธิพลมาจาก TOYOTA MIRAI (โตโยต้า มิราอิ) ซึ่งเป็นรถพลังงานไฮโดรเจนคันแรกของโลกที่ทำการเปิดตัวและจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
New PRIUS ยังคงไว้ซึ่งรูปทรงแบบกึ่งซีดานกึ่งแฮทช์แบค และรูปทรงแบบนี้ก็ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ไปแล้ว ไฟหน้าและไฟท้ายนั้นได้ทำการออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเค้าโครงของ PRIUS ตัวเก่าให้เห็นอยู่กลายๆ
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว PRIUS ตัวล่าสุดนี้มีอะไรที่โดดเด่นอยู่หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะ เรื่องของช่วงล่าง รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่ถูกใส่เข้าไปอย่างเต็มอัตราศึก มันเยอะจริงๆ เยอะมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้สรุปเหตุผลทั้งหมด 7 ข้อที่ผมคิดว่า นี่แหละ...คือเหตุผลที่ ต้องซื้อ เจ้า PRIUS โฉมล่าสุดคันนี้
จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ!
1 | ระบบไฮบริดแบบใหม่
ขุมกำลังของ PRIUS ตัวใหม่นี้ ยังคงเป็นระบบไฮบริดไฟฟ้า-น้ำมันเช่นเดียวกันกับรถรุ่นก่อนหน้า หากแต่ได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมากถึง 10%!
เครื่องยนต์เบนซิน-สี่กระบอกสูบ 1.8 ลิตร ถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานหลัก และในครั้งนี้มันก็ถูกพัฒนาจนมีประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal Efficiency) สูงขึ้นถึง 40% และสามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลงอีก 18% ซึ่งโตโยต้าออกมากล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า นี่คือเครื่องยนต์เบนซินที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้
แบตเตอรี่ลิเทียมไออนก็ถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นและมีขนาดที่เล็กลง ในขณะเดียวกันก็มีราคาที่ถูกลงด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น มอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับก็ถูกพัฒนาให้มีขนาดที่เล็กลง ซึ่งเป็นการลดน้ำหนักของระบบส่งกำลังนั่นเอง
แรง...แต่...ประหยัด
ระบบไฮบริดแบบใหม่นี้สามารถผลิตแรงม้าได้มากถึง 150 ตัว แต่ถึงกระนั้น PRIUS ตัวใหม่นี้ ก็ประหยัดน้ำมันมากถึง 55 ไมล์ต่อแกลลอน หรือประมาณ 23-24 กิโลเมตรต่อลิตร
2 | ห้องโดยสารกว้างขึ้น
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว PRIUS ตัวใหม่มีความยาวเพิ่มขึ้น 2.4 นิ้ว และกว้างขึ้น 0.6 นิ้ว ประกอบการออกแบบภายในที่เน้นพื้นที่ใช้สอย ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารดูกว้างขวางขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
และถึงแม้ความสูงของหลังคาจะเตี้ยลงมา 2 เซนติเมตร แต่ด้วยการออกแบบโดยให้จุดสูงที่สุดของตัวรถอยู่ที่ตำแหน่งเหนือศีรษะของคนขับพอดี ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ระหว่างศีรษะคนขับและหลังคาได้อย่างชาญฉลาด
นอกจากนั้นแล้ว ความสูงของฝากระโปรงหน้าก็เตี้ยลงจากรุ่นก่อน ซึ่งการทำเช่นนี้ จะช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยของคนขับในแนวสูง-ต่ำ เพื่อให้สามารถสังเกตสิ่งกีดขวางได้อย่างชัดเจน
3 | ช่วงล่างแบบใหม่
(Remark : รูปช่วงล่างปีกนกคู่เป็นของ Lexus CT200h นะครับ)
ช่วงล่างของ PRIUS คันนี้ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงล่างด้านหลัง ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นแบบ ปีกนกคู่ หรือที่เรียกว่า Double wishbone
ปกติแล้ว ช่วงล่างแบบปีกนกคู่จะถูกนำมาใช้กับรถสมรรถนะสูง หรือรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เน้นการขับขี่แบบสปอร์ต และเนื่องจากช่วงล่างแบบนี้ มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าช่วงล่างแบบมัลติลิงค์ จึงไม่เป็นที่นิยมสำหรับรถที่ขายในท้องตลาดของบ้านเรา
แล้วทำไม...โตโยต้าถึงเลือกใช้ช่วงล่างแบบปีกนกคู่
โตโยต้าพยายามที่จะสร้าง นิยามใหม่ ให้กับรถไฮบริด นั่นก็คือว่า นอกจากมันจะประหยัดน้ำมันแล้ว มันต้องเป็นรถที่ ขับสนุก และการที่ PRUIS นำช่วงล่างปีกนกคู่มาใช้นั้น จะเป็นการเพิ่มสมรรถนะของการขับขี่ รวมไปถึงเพิ่มการตอบสนองของตัวรถในขณะเข้าโค้ง
4 | แอร์ออโต้แบบใหม่
ลืมแอร์ออโต้ที่ปรับอุณหภูมิแบบอัตโนมัติไปได้เลยครับเพราะว่าแอร์ออโต้ของ PRIUS คันนี้...ล้ำกว่าหลายเท่าตัว!!
ระบบแอร์ออโต้ของ PRIUS มีชื่อว่า Smart-flow หรือเรียกสั้นๆว่า S-FLOW นอกจากจะปรับอุณหภูมิแบบอัตโนมัติแล้ว ระบบ S-FLOW ยังมีเซนเซอร์ที่ตรวจจับว่า ตอนนี้ในรถมีคนนั่งกี่คน และนั่งตรงไหนบ้าง จากนั้นมันจะปรับอุณหภูมิและกระจายกระแสลมเย็นไปยังที่นั่งที่มีผู้โดยสารเท่านั้น
การทำเช่นนี้จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะลดภาระให้กับเครื่องยนต์ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ
5 | ปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม
สำหรับ PRIUS ที่ขายในอเมริกาจะถูกติดตั้งระบบ ช่วยเหลือก่อนการชน หรือที่เรียกว่า Pre-collision Assistance ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยเหลือคนขับก่อนที่ตัวรถจะเกิดการปะทะ
โตโยต้าเรียกระบบนี้ว่า TSS ซึ่งย่อมาจาก Toyota Safety Sense ในระบบ TSS จะประกอบไปด้วยฟีเจอร์ทั้งหมด 4 ตัว ดังต่อไปนี้
1. Pre-Collision System with Pedestrian Detection ระบบป้องกันการชนคนเดินถนน
2. Lane Departure Alert with Steering Assist ระบบเตือนคนขับเมื่อรถวิ่งออกจากเลนโดยไม่มีสาเหตุ อาทิเช่น เมื่อคนขับหลับใน เป็นต้น
3. Full-Speed Dynamic Radar Cruise Control ระบบครูสคอนโทรลโดยใช้เรดาร์ควบคุม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แอคทิฟ ครูส คอนโทรล นั่นเองครับ ระบบนี้จะทำให้รถสามารถลดความเร็วตามรถคันหน้าได้อย่างอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเหยียบแป้นเบรคด้วยตัวเอง
4. Automatic High Beams ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ
6 | ขับสนุกกว่าเดิม
เคยมีคนบอกว่า รถไฮบริดเป็นรถที่ขับไม่สนุก
เพราะอะไรน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่า รถพวกนี้ถูกออกแบบมาโดยโฟกัสไปที่ระบบไฮบริดและระบบส่งกำลัง
ในส่วนของ ช่วงล่าง, ยาง หรือระบบบังคับเลี้ยว จึงกลายเป็นจุดที่ไม่ถูกให้ความสำคัญมากเท่าไหร่นัก...
นั่นทำให้มันเป็นรถที่ ขับไม่สนุก เอาซะเลย...และนี่ก็กลายเป็นจุดด้อยของรถไฮบริดไปโดยปริยาย
แต่สำหรับ PRIUS คันล่าสุดนี้...มันไม่ใช่แบบนั้น!
PRIUS เป็นไฮบริดสายพันธุ์ใหม่ที่มาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า นอกจากจะประหยัดน้ำมันแล้ว มันต้อง ขับสนุกด้วย หรือที่โตโยต้าเรียกว่า Driving Dynamics ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถไฮบริดของตระกูลสามห่วง
ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น ทำให้รถมีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ด้วยความสูงของรถที่เตี้ยกว่าเดิม 0.8 นิ้ว ประกอบกับการจัดวางตำแหน่งของแบตเตอรี่ให้อยู่ต่ำที่สุด ทำให้ PRIUS มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากๆ ส่งผลรถมีอาการโคลง (Body Roll) น้อยลงกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ให้กับทั้งคนขับและผู้โดยสาร
ช่วงล่างปีกนกคู่ และตัวถังที่มีความแข็งมากขึ้น ช่วยเรื่องการตอบสนองของรถในขณะเข้าโค้ง และยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
7 | สุดยอดเทคโนโลยีจาก TNGA
PRIUS คันนี้เป็นรถยนต์คันแรกที่ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ TNGA ซึ่งย่อมาจาก Toyotas New Global Architecture ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรถยนต์
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า...
ถ้า Mazda มีเทคโนโลยี SKYACTIV
Toyota ก็มีเทคโนโลยี TNGA นั่นเอง
TNGA เป็นโครงการที่คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ รวมไปถึงสมรรถนะการขับขี่
เพราะฉะนั้น PRIUS คันนี้จึงเป็นรถยนต์ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ถูกสั่งสมมาอย่างยาวนานของโตโยต้า ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวถัง
PRIUS คันนี้ได้รับการเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวถังมากถึง 60% และสำหรับโครงรถด้านบน (ตั้งแต่ฝากระโปรงขึ้นไป) ได้มีการนำเหล็กความแข็งแรงสูง (High-strength) มาประกอบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแรงชนจากทางด้านหน้า เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับห้องโดยสารให้ได้มากที่สุด
ถ้าใครที่กำลังมองหารถไฮบริดประหยัดน้ำมันคุณภาพระดับโลก ผมคิดว่า PRIUS คันล่าสุดนี้ก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวทีเดียว แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าจะเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่
และก็ไม่รู้อีกว่าพอเข้ามาในไทยแล้ว ทางโตโยต้าเค้าจะตัดฟังก์ชั่นอะไรออกไปบ้างน้า...ตอนนี้ก็ได้แต่รอไปก่อนนะครับ