เรียบเรียงโดยJoh Burut
Rev Matching คืออะไร
Rev Matching (เรฟ-แมทชิง) คือเทคนิคเปลี่ยนเกียร์ที่ใช้สำหรับรถยนต์เกียร์แมนนวล ซึ่งเป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้ทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการขับในสนามแข่งด้วยครับ โดยคำว่า Rev ย่อมาจาก Revolution ซึ่งหมายถึง รอบเครื่องยนต์ หรือที่รู้จักกันว่า RPM นั่นเองครับ
ส่วนคำว่า Matching หมายความว่า จับคู่ นั่นเอง เพราะฉะนั้น ในที่นี้ Rev Matching จึงหมายถึงการจับคู่รอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ ในแต่ละเกียร์นั่นเองครับ ฟังดูแล้วมึนๆ ใช่ไหม! อย่าเพิ่งงงนะครับ ผมกำลังจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
ความจริงแล้ว Rev Matching มีชื่อเต็มๆ ว่า Down-shifting Rev Matching (ดาวน์ชิฟติ้ง เรบ แมทชิง) ซึ่งหมายความว่า การทำ Rev Matching จะทำตอนที่เราเปลี่ยนเกียร์ลงมาเป็นเกียร์ต่ำ (Down-shifting) ยกตัวอย่างเช่นเกียร์ 4 มา 3 หรือว่า 3 มา 2 นั่นเองครับ
ทำไมต้องทำ Rev-Matching
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจขั้นตอนและวัตถุประสงค์ของการทำ Rev Matching ผมว่าเรามาทำความเข้าใจระบบส่งกำลังกันก่อนดีกว่า โดยปกติแล้ว เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์จากสูง -> ต่ำ รอบเครื่องยนต์จะถูกบังคับให้เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราทดเกียร์นั่นเองครับ
การที่รอบเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมาโดยทันทีนั้น จะส่งผลให้เกิด แรงหน่วง จากเครื่องยนต์ หรือที่เรียกว่า Engine Brake (เอนจิน เบรก) ซึ่งแรงหน่วงนี้จะส่งผลให้รถยนต์เกิดการถ่ายเทน้ำหนักจากด้านหลังมายังด้านหน้า เป็นผลให้เราหัวทิ่มไปข้างหน้านั่นเองครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเปลี่ยนเกียร์แบบกระโดด อย่างเช่นจากเกียร์ 4 ข้ามมาเป็นเกียร์ 2 โดยทันที จะส่งผลให้เกิด Engine Brake มากกว่าปกติ บางครั้งอาจทำให้เกิดอาการล้อล็อคก็เป็นได้ครับ
เนื่องจากว่าการเปลี่ยนเกียร์แบบฉับพลันนั้น จะส่งผลให้เกิด Engine Brake อย่างรุนแรง เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะปล่อยคลัทช์เพื่อ Downshifting ให้เราเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งรอบ แล้วจึงปล่อยคลัทช์ การทำเช่นนี้จะทำให้เกิด Engine Brake น้อยลง ทำให้กระบวนเปลี่ยนเกียร์มีความสมูทมากขึ้นครับ
ท่านผู้อ่านบางคนอาจจะนึกภาพยังไม่ออก เดี๋ยวลองไปดูขั้นตอนการทำ Rev Matching แบบละเอียดในวิดีโอข้างล่างได้เลยครับ
วิดีโอ - อธิบายและสาธิต Rev-Matching
ขั้นตอนการทำ Rev Matching
ต่อไปจะเป็นการอธิบายขั้นตอนการทำ Rev Matching โดยเป็นการเปลี่ยนเกียร์จาก 4 มา 3 ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ
0. ขับด้วยความเร็วคงที่
1. ยกคันเร่งเพื่อลดความเร็ว
2. เหยียบคลัทช์และเปลี่ยนเกียร์
เหยียบคลัทช์เพื่อตัดกำลังจากเครื่องยนต์ หลังจากนั้นให้เข้าเกียร์ต่ำลงมาหนึ่งตำแหน่ง (จาก 4 มาเป็น 3)
3. เหยียบคันเร่งเพื่อเร่งรอบเครื่องยนต์ให้เพิ่มขึ้น
สำหรับคำถามที่ว่าจะต้องเร่งรอบขึ้นไปเท่าไหร่นั้น อันนี้บอกยากครับ เพราะว่าเกียร์แต่ละเกียร์มีอัตราทดต่างกัน แถมรถแต่ละคันมีอัตราทดเกียร์ไม่เท่ากันอีก เพราะเหตุนี้ การที่เราจะทำการ Rev Matching ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างเดียวเท่านั้นครับ
4. ปล่อยคลัทช์ตามปกติ
ประโยชน์ของการทำ Rev Matching
1. ลดการสึกหรอของแผ่นคลัทช์
แน่นอนว่า ในขณะที่เราเปลี่ยนเกียร์ ถ้าหากความเร็วรอบของเครื่องยนต์มีค่าเท่ากับความเร็วรอบของเกียร์แล้ว ภาระของคลัทช์ก็จะลดลง ความร้อนสะสมก็จะลดลงครับ ส่งผลให้ตัวแผ่นคลัทช์เอง มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น
2. ลดการถ่ายเทน้ำหนักของตัวรถ (Weight Transfer)
ประโยชน์ข้อที่สองของการทำ Rev Matching ก็คือการลดการถ่ายเทน้ำหนักจากหลังมาหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ ข้อได้เปรียบข้อนี้มีประโยชน์มากๆ กับการขับรถแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะการเปลี่ยนเกียร์เพื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถ้าหากว่าเราไม่มีการทำ Rev Matching น้ำหนักจะถูกถ่ายมาทางด้านหน้าอย่างทันที ส่งผลให้รถเกิดอาการเสียสมดุล อีกทั้งยังมีโอกาสทำให้ยางสูญเสียแรงยึดเกาะอีกด้วยครับ
ในบทความหน้า เราจะไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเทคนิค นั่นก็คือ Heel and Toe (ฮีล แอนด์ โท) นั่นเองครับ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต่อยอดมาจาก Rev-matchingอีกทีหนึ่งครับ สำหรับ Heel and Toe นั้น จะมีความสำคัญอย่างไร และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ไหนบ้าง ติดตามได้ที่นี่ เร็วๆ นี้ครับ
ท่านผู้อ่านสามารถติดตาม ข่าวสารยานยนต์ หรือ บทความอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ Johs Autolifeเลยครับผม
เรียบเรียงโดย Joh Burut