ถึงแม้ว่ารถยนต์ในปัจจุบันนี้ จะมีเซนเซอร์รอบคัน เพื่อช่วยเตือนคนขับให้รู้ถึงสิ่งกีดขวางที่อยู่รอบคันรถ แต่ผมมั่นใจว่า ยังมีคนใช้รถอีกหลายคน ที่ถึงแม้จะมีเซ็นเซอร์สุดไฮเทคเป็นตัวช่วย แต่พวกเขาก็ยังไว้ใจกระจกมองข้าง ถึงแม้ว่าจะมีกล้องถอยหลัง แต่พวกเขาก็ยังไว้ใจกระจกมองหลัง พฤติกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง ที่เปรียบเสมือนดวงตาคู่ที่สามของคนขับ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากระจกเหล่านี้ถูกออก
เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถที่จะพัฒนาและจำหน่ายรถยนต์ที่ไม่มีกระจกมองข้าง โดยที่จะใช้กล้องดิจิตอลแสดงผลแบบเรียล-ไทม์ มาทำหน้าที่แทนกระจกมองข้างนั่นเองครับ
เอากระจกข้างออก...แล้วมันดียังไง
ประโยชน์ข้อแรกของการเอากระจกมองข้างออกก็คือ เป็นการลดต้นทุนนั่นเองครับ ซึ่งอานิสงค์ข้อนี้ตกไปอยู่ที่ผู้ผลิตรถยนต์โดยสิ้นเชิง หลายคนคงคิดว่ากระจกมองข้างมันมีราคาแค่หลักร้อยเองหนิ มันจะลดต้นทุนได้เท่าไหร่กันเชียว แต่เชื่อไหมครับว่า ถ้ามองในฐานะผู้ผลิตรถยนต์แล้ว นี่คือกำไรก้อนโตทีเดียวล่ะ!
กล้องมองข้างแบบเรียล-ไทม์ ของ BMW i8 Concept
ประโยชน์ข้อที่สองก็คือว่า การที่เราเอากระจกมองข้างออก จะเป็นการลดพื้นที่หน้าตัดของตัวรถครับ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า แรงต้านอากาศจะแปรผันกับพื้นที่ปะทะลม ถ้ามีพื้นที่ปะทะลมมาก ก็จะมีแรงต้านอากาศมาก ในทางกลับกัน ถ้ามีพื้นที่ปะทะลมน้อย ก็จะมีแรงต้านอากาศน้อย และเนื่องจากว่ากระจกมองข้างนั้น กินพื้นที่มากถึง 3-5% ของพื้นที่ทั้งหมด การเอากระจกมองข้างออกจึงสามารถลดแรงต้านอากาศได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
การที่เราสามารถลดแรงต้านอากาศได้นั้น จะส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง ในขณะเดียวกัน ปริมาณไอเสียที่ปล่อยออกมาก็ลดลงเช่นเดียวกันครับ
กล้องมองข้างแบบเรียล-ไทม์ ของ BMW i8 Concept
คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่า ประเทศญี่ปุ่นจะนำเทคโนโลยีกล้องเรียล-ทม์มาใช้แทนกระจกเมื่อไหร่ และมันจะเวิร์คไหม แล้วรถยนต์ที่ไม่มีกระจกมองข้าง มันจะมีหน้าตาประหลาดจนเราไม่กล้าซื้อหรือเปล่า เพราะถึงแม้ว่า การเอากระจกมองข้างออกไป มันจะมีประโยชน์ตามที่ผมได้สาธยายมาข้างต้น แต่ทว่า...ถ้าทำออกมาแล้วผู้บริโภคอย่างเราไม่ประทับใจ ก็คงไปไม่รอดแน่นอนครับ
Source :http://www.autoblog.com/2016/08/06/japan-approves-mirrorless-cars/ncid=edlinkusauto00000016
ท่านผู้อ่านสามารถติดตาม ข่าวสารยานยนต์หรือ บทความอื่นๆได้ที่ แฟนเพจของเราเลยครับผม