เมื่อประมาณ 10-ปี ที่ผ่านมา วงการยานยนต์ได้ถือกำเนิดรถยนต์ประเภทใหม่ที่เน้นการ ‘ขับเอามันส์’ เป็นหลัก นั่นก็คือรถยนต์แบบ ‘EXO Car’ (Exoskeleton Car) ซึ่งหมายถึงรถยนต์ขนาดเล็กที่เปลือยตัวถัง พร้อมกันนั้น ก็ใช้ท่อเหล็กมาสานกันเพื่อให้เป็นโครงสร้างที่มีรูปร่างคล้ายกับโครงกระดูก รถยนต์ประเภทนี้จึงถูกเรียกว่า ‘EXO Car’ ซึ่งย่อมาจาก ‘EXOskeleton Car’ (รถยนต์ที่มีโครงกระดูกภายนอก) นั่นเองครับ
รถยนต์ประเภท ‘EXO Car’ ที่เราคุ้นตากันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น เจ้าตัวเล็กพริกขี้หนูอย่าง Ariel Atom รวมไปถึง KTM X-Bow ซึ่งรถยนต์ทั้งสองคันนี้ ได้รับการออกแบบให้เป็น ‘EXO Car’ มาตั้งแต่โรงงานเลยทีเดียว
Ariel Atom – ผู้บุกเบิกรถยนต์ประเภท Exo-skeleton
KTM X-Bow – สปอร์ตสายเปลือยจากออสเตรเลีย
สำหรับวันนี้ ผมจะพาไปชม ‘EXO Car’ อีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่ง ‘EXO Car’ ประเภทที่ว่านี้ ถือกำเนิดขึ้นมาจากการ ‘โมดิฟาย’ แบบ 100% ส่วนรถที่ถูกนำมา ‘ถอดกระดอง’ ให้กลายเป็น ‘EXO Car’ นั้น ก็มีตั้งแต่เจ้าพ่อรถขับหน้า HONDA INTEGRA รวมไปถึงโรสเตอร์ในตำนานอย่าง MAZDA MX-5
สำหรับขั้นตอนการทำ ‘EXO Car’ นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก เพียงแต่ต้องใช้ฝีมือและเวลา เพราะการโมดิฟายประเภทนี้ ถือเป็น ‘งานสร้าง’ อย่างแท้จริง และมีหลาย ‘ชิ้นส่วนเฉพาะ’ ที่ต้อง ‘เนรมิต’ ขึ้นมาเองจากสุญญากาศ
X-Tegra – รถยนต์ EXO ที่ดัดแปลงจาก HONDA INTEGRA DC2
ขั้นตอนแรกนั้น คือการตัดเอาบอดี้ครึ่งท่อนบนออกทั้งหมด เหลือไว้แค่เพียงห้องเครื่อง ซุ้มช็อคหน้า-และ-หลัง แพหน้า-และ-แพหลัง จากนั้นก็เริ่มดัดและเชื่อมโรลบาร์ เพื่อดามตัวรถทั้งคัน
ดูเผินๆ อาจจะเหมือนว่าไม่ยาก แต่อย่างที่ผมได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า การแปลงรถเดิมเป็นรถ ‘EXO Car’ เป็นงานฝีมือที่ใช้ระยะเวลาและความประณีต ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้น นอกจากจะได้ ‘ความไม่เหมือนใคร’ แล้ว... รถประเภทนี้ ยังมีข้อได้เปรียบเชิงวิศวกรรมอีกหลายประการ เป็นต้นว่า...
EXO ดัดแปลง – โมดิฟายจาก BMW 540i
ข้อได้เปรียบประการที่ 1 – น้ำหนักเบาลง 40%!!
การแปลงรถธรรมดาให้กลายเป็นรถ EXO นั้น เป็นการนำเอาบอดี้ครึ่งท่อนบน, ประตู, กระจก และอุปกรณ์ภายในทั้งหมด โดยชิ้นส่วนทั้งหมด-ทั้งมวลนี้ จะถูกเอาออกจากตัวรถโดยสิ้นเชิง เป็นผลให้น้ำหนักของตัวรถนั้น เบาลงถึง 40%
เมื่อน้ำหนักเบาลงแล้ว จะทำให้อัตราเร่งเพิ่มขึ้นแบบที่ไม่ต้องโมดิฟายเพิ่มเติมเลย ในส่วนของช่วงล่างและยางนั้น ก็จะมีภาระน้อยลง ส่งผลให้รถสามารถเข้าโค้งได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าโค้งในช่วงความเร็วต่ำ ไปจนถึงความเร็วปานกลาง
EXO ดัดแปลง – โมดิฟายจาก MAZDA MX-5
ข้อได้เปรียบประการที่ 2 – ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง
นอกจากน้ำหนักโดยรวมจะลดลงอย่างมหาศาลแล้ว การนำเอาบอดี้ ‘ครึ่งท่อนบน’ ออกนั้น ยังทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถต่ำลงอีกด้วย ช่วยลดอาการโคลงตัวของรถ และสามารถกระจายภาระให้กับยางทั้งฝั่งซ้าย-และฝั่งขวา ให้มีความสมดุลมากขึ้น
EXO ดัดแปลง – โมดิฟายจาก HONDA CIVIC
ข้อได้เปรียบประการที่ 3 – หมดห่วงเรื่องเครื่องโอเวอร์ฮีท
ข้อได้เปรียบที่เด่นชัดที่สุดของรถเปลือยก็คือ ‘การระบายความร้อน’ การแสลมจะสามารถไหลผ่าน ‘โครงกระดูก’ เพื่อเข้ามาระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และระบบเกียร์ได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่า เนื้อหาที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงข้อได้เปรียบ-หรือว่า-ข้อดีแต่เพียงเท่านั้น และแปลงรถธรรมดา ให้กลายเป็นรถ ‘EXO’ นั้น ก็ต้องมีข้อเสียอย่างปฏิเสธไม่ได้ เริ่มตั้งแต่ ‘แอโรไดนามิคส์’ ที่แย่ลงแบบสุดกู่ ทำให้เกิดแรงต้านอากาศปริมาณมหาศาลในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ตัวรถเกิดความไม่เสถียร เพราะฉะนั้น ‘รถ EXO’ (ประเภทรถแปลง) จึงเหมาะกับการขับขี่แบบความเร็วต่ำๆ ไปจนถึงความเร็วปานกลาง
EXO ดัดแปลง – โมดิฟายจาก NISSAN 180SX
นอกจากข้อเสียเรื่องแอโรไดนามิคส์แล้ว ‘รถ EXO’ ยังไม่สามารถกันลมกันฝนได้แต่อย่างใด เรียกได้ว่าหมดสิทธิ์ขับเล่นในช่วงหน้าฝนเลยครับ นอกจากคนขับจะเปียกปอนแล้ว เครื่องยนต์ก็อาจจะสำลักน้ำฝนแบบเต็มๆ ...สำหรับที่เก็บสัมภาระนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พื้นที่เก็บของนั้น...ไม่มีให้เห็นในรถประเภทนี้อย่างแน่นอน
และนี่ก็คือเทรนด์การโมดิฟายรถยนต์แบบใหม่ล่าสุด ที่จะเรียกได้ว่า ‘สุดโต่ง’ ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะการโมดิฟายประเภทนี้ เราต้องสังเวยรถยนต์แบบทั้งคัน ถ้าเริ่มทำแล้ว...หันหลังกลับไม่ได้เลยนะครับ...