ARIEL ATOM รถยนต์ล้อเปลือยสุดจี๊ดจากแดนผู้ดี กำลังวางแผนที่จะครองโลก โดยการกลายร่างเป็นไฮเปอร์คาร์พิกัด 1180-แรงม้า ภายใต้ชื่อโปรเจค HIPERCAR ซึ่งเจ้าหนูหริ่งติดปีกคันใหม่ล่าสุดนี้ สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 2.4-วินาที เท่านั้นเอง!
โปรเจคสุดบ้าได้เริ่มขั้นตอนการพัฒนามาสักพักแล้ว โดยตัวรถนั้น ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับกำลังมหาศาลระดับ 1,180-แรงม้า ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และโครงอะลูมิเนียม ถูกประกอบเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวถังแบบโครงถักเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่ง ความเบา ที่ถือเป็นอาวุธเด็ดและกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของ ARIEL ATOM ไปโดยปริยาย
ไฮไลท์ของรถคันนี้อยู่ที่ระบบขับเคลื่อน โดย HIPERCAR คันนี้ ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัตศาสตร์ของไฮเปอร์คาร์ นั่นก็คือการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งรับกระแสไฟที่ปั่นมาจากเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ พูดง่ายๆ ก็คือว่า...มันคือไฮเปอร์คาร์สายพันธุ์ไฮบริดนั่นเองครับ
เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ (Turbine Engine) มีกำลังเพียงแค่ 47-แรงม้า เท่านั้นเอง เครื่องยนต์ประเภทนี้บริโภคน้ำมันเป็นอาหารและปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาเป็นผลตอบแทน โดยที่หนูหริ่งคันนี้ ได้ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ทั้งหมด 2-เครื่องไว้ที่ด้านหลังของตัวรถ
มอเตอร์ไฟฟ้าประจำการที่ล้อทั้ง 4
กระแสไฟฟ้าที่ได้จากเครื่องยนต์เทอร์ไบน์จะถูก พัก ไว้ที่แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ หลังจากนั้นระแสไฟแรงสูงจะถูกจ่ายไปยังมอเตอร์ที่ประจำการอยู่ที่ล้อทั้ง 4 ...ใช่แล้วครับ ARIEL ATOM สายพันธุใหม่นี้ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูล-ไทม์
แบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยน้ำ
สิ่งที่ทำให้ HIPERCAR คันนี้ แตกต่างจากรถในตระกูล ARIEL คันอื่นๆ ก็คือว่า...มันมีบอดี้คลุมตัวถังโดยทั้งหมด ไม่ใช่รถล้อเปลือยอย่างรุ่นก่อนๆ สาเหตุที่ทำให้หนูหริ่งคันล่าสุดต้องปกปิดบอดี้อย่างมิดชิดก็เพื่อที่จะลดแรงต้านอากาศนั่นเองครับ เพราะว่านี่คือ ไฮเปอร์คาร์ที่สามารถทำความเร็วระดับ 300-กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างสบายๆ ดังนั้น ที่ความเร็วสูงๆ แบบนี้ แอโรไดนามิคส์ คือปัจจัยสำคัญอย่างขาดเสียไม่ได้
ARIEL วางแผนจะเปิดตัวไฮเปอร์คาร์คันนี้ภายในปี 2020 และโปรเจคไฮบริด-ไฮเปอร์คาร์สุดบ้านี้ ก็ได้รับกรสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้โครงการพัฒนารถไฟฟ้า EV เพราะฉะนั้น บอกได้เลยว่า...ARIAL ATOM ไม่ได้มาเล่นๆ นะครับ...งานนี้ และท่านผู้อ่านสามารถติดตาม ข่าวสารยานยนต์ หรือ บทความอื่นๆ ได้ที่ แฟนเพจ Joh's Autolife ได้เลยครับผม