สำหรับวันนี้ ผมและทีมงานสายซิ่งทั้งหมด 5 คน ก็ได้รวมตัวกันเพื่อที่จะไปแข่งขันโกคาร์ท แล้วก็วัดฝีไม้-ลายมือกันสักกะหน่อย โดยครั้งนี้ ผมและเพื่อนๆ จะพาท่านผู้อ่านไปชมสนามโกคาร์ทที่ไฮเทคที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือสนาม Impact Speed Park นั่นเองครับ ตั้งอยู่ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ใกล้กับทะเลสาบนั่นแหละครับ และนอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของสนามแห่งนี้ก็คือรถโกคาร์ทที่ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า และนี่ก็เป็นครั้งแรกของผมที่จะได้ลองรถโกคาร์ทสายพันธุ์แบตเตอรรี่ และก็เป็นครั้งแรกของผมที่จะได้ลองสัมผัสพื้นแทร็คแห่งนี้ด้วยเช่นกัน จะสนุกสนาน จะมันส์สะใจแค่ไหน...ลองไปชมกันครับ

หลังจากฝ่าสมรภูมิรถติดบนถนนวิภาวดี ในที่สุด เราก็มาถึงบริเวณหน้าสนามกันเสียที เมื่อหาที่จอดรถกันได้แล้ว ก็เดินเข้าไปในตัวอาคารโดยทันที อันดับแรกเลย ที่ทำผมประทับใจก็คือ ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ในอาคาร มีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน ทุกอย่างดูเป็นระบบ พนักงานทุกคนเป็นกันเองมากครับ ให้คำแนะนำและให้ข้อมูลแบบไม่มีกั๊กเลยทีเดียว

ด้านซ้ายมือคือจุดลงทะเบียนออนไลน์

โซนจำหน่ายเครื่องดื่ม

โซนที่นั่งติดขอบแทร็ค

สำหรับในส่วนของสนามนั้น สวยมากครับ และใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้มาก พื้นแทร็คยังคงเรียบและใหม่อยู่ นอกจากนั้น รัน-ออฟเอเรียก็กว้างแบบสุดๆ เพียงแค่มองไปบริเวณแทร็ค ก็สามารถความสัมผัสความมีมาตรฐานได้อย่างชัดเจน จนอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกเริ่มเกร็งนิดๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้น อยากจะลงไปขับแล้วเต็มที... บรรยากาศในวันนั้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝนพอสมควร ซึ่งเราก็ลุ้นๆ กันอยู่ว่า...ฝนจะโปรยปรายลงมา จนกระทั่งได้แข่ง WET RACE เลยรึเปล่านะ 555

ภาพสนามจากมุมสูง

ฝนอย่าเพิ่งตกนะ!

ในส่วนของแทร็คนั้น มีกริดสตาร์ททั้งหมด 16 กริด และไลน์ของสนามจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกเดือน ความยาวต่อรอบประมาณ 800 เมตร และในวันที่ผมและเพื่อนๆ ไปซิ่งกันนั้น ก็เป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนไลน์สนามใหม่พอดิบพอดี พวกเราจึงเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้ลองไลน์สนามประจำเดือนพฤษภาคม

เท่าที่ผมได้สอบถามทางพี่ๆ เจ้าหน้าที่สนาม ก็ได้คำตอบว่า สนามแห่งนี้เป็นสนามระดับมาตรฐานสากล ที่สามารถจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติได้ ส่วนแบริเออร์นั้น ก็เป็นแบริเออร์แบบพิเศษที่สั่งมาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นแบริเออร์ที่ออกแบบมาให้ใช้สำหรับสนามโกคาร์ทโดยเฉพาะ และสามารถรับแรงกระแทกได้สูงกว่าแบริเออร์ประเภทกองยาง ซึ่งนี่ก็คือเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยของสนาม Impact Speed Park

หลังจากได้เดินสำรวจบรรยากาศรอบๆ อยู่ครู่หนึ่ง คุณเอ PR ประจำสนาม Impact Speed Park ก็ได้เชิญเราไปลงทะเบียน เพื่อรับบัตรสมาชิก การลงทะเบียนครั้งแรกจะเสียค่าใช้จ่าย 100 บาทครับ การลงทะเบียนก็จะเป็นแบบออนไลน์ที่สามารถลิงค์ไปที่ Facebook ของเราก็ได้ หรือจะลงทะเบียนโดยใช้อีเมลก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย หลังจากลงทะเบียนแล้ว จะได้บัตรสมาชิก เป็นการ์ดขนาดเล็ก โดยครั้งต่อไป ก็สามารถนำบัตรนี้ มาเข้าคิวเล่นได้เลย และที่ผมชอบที่สุดของระบบสมาชิกก็คือว่า หลังจากขับจบ Session แล้ว...ผลการแข่งขันและเวลาต่อรอบจะถูกส่งไปที่อีเมลของเราอย่างอัตโนมัติ...โคตรจะคูล...

ลงทะเบียนโดยใช้ FACEBOOK ID หรือจะใช้อีเมลก็ได้ครับ

สำหรับผู้ใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 600 ต่อ Session สำหรับเด็กนั้น ราคาจะอยู่ที่ 480 ต่อ Session โดย Session หนึ่งจะซิ่งได้ 8 นาที หลายคนอาจจะคิดว่า... ให้วิ่งแค่ 8 นาที แค่นี้เองนะ? แต่ผมบอกเลยว่า แค่ 8 นาทีก็ได้เหงื่อและก็เริ่มล้าแล้วล่ะครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า 8 นาทีนี่แหละ...กำลังพอดีเลย

หลังจากลงทะเบียนกันครบทุกคนแล้ว เราก็จะเข้าสู่ห้องอบรม เพื่อดู VTR รวมไปถึงคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สนาม เป็นต้นว่า การปรับตำแหน่งที่นั่งขับ การใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย เส้นทางการเข้า-ออกพิทเลน และไลน์การขับ รวมไปถึงมารยาทในการขับขี่

บรรยากาศของห้องอบรม

บรรยากาศห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

เมื่ออบรมเสร็จแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่พิทเลนกันเลยครับ ภาพแรกที่จะได้เห็นก็คือ รถโกคาร์ทที่จอดเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และที่พิทเลนแห่งนี้ ก็จะมีจุดชาร์จแบตสำหรับรถแข่งแต่ละคัน เมื่อรถกลับเข้ามาพิทปั๊ป...ก็ชาร์จไฟปุ๊ป

สำหรับรถโกคาร์ทที่เราจะไปขับในวันนี้ ก็คือ SODI RTX เป็นโกคาร์ทไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงเอาเรื่อง ซึ่งเป็นโกคาร์ทที่นำเข้ามาจากบริษัท SODI บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถโกคาร์ทโดยเฉพาะ ซึ่งทาง Impact Speed Park ได้ทำการอิมพอร์ตมาทั้งหมด 30 คันเลยทีเดียว

นอกจากระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าแล้ว รถแข่งที่นี่ก็มีจุดแตกต่างจากรถโกคาร์ทน้ำมันที่ผมเคยขับอยู่หลายจุด ประการแรกก็คือ โกคาร์ท SODI RTX มีโรลบาล์สูงกว่าศรีษะของคนขับเพื่อป้องกันการกระแทกของศีษะระหว่างพลิกคว่ำ (เรียกว่า โรล ฮูป) มีเบลท์ทั้งหมด 4 จุด และสามารถปรับความใกล้-ไกล ของแป้นคันเร่งและเบรก ให้เหมาะกับความสูงของเราได้ นอกจากนั้นยังสามารถปรับความสูงของพวงมาลัยได้อีกด้วย และที่ผมคิดว่าเจ๋งที่สุดก็คือ ระบบควบคุมการจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบรีโมท ซึ่งนายสนามจะสามารถควบคุมความเร็วของรถทุกคันได้อย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่น ขณะรถออกจากพิทเลน เพื่อเข้าสู่แทร็ค นายสนามจะกำหนดความเร็วให้ต่ำกว่าปกติ จนกระทั่งรถทุกคนเข้าสู่แทร็ค และเมื่อเห็นว่ามีความพร้อมที่จะเริ่มแข่งขันแล้ว จึงจะปลดล็อคความเร็วให้เริ่มทำการแข่งขันได้

และก่อนที่เราจะเข้าไปขับรถแข่งนั้น ทางสนามก็ได้เตรียมถุงคลุมศีรษะ พร้อมกับหมวกกันน็อคที่มีหลายขนาด และหลังใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย ก็ขึ้นประจำรถใคร-รถมันได้เลยครับทีนี้ โดยหมายเลขรถแข่งของเรา จะแสดงอยู่ในจอทีวีบริเวณพิทเลน ต้องขึ้นให้ถูกคันนะครับ เพราะว่าผลการแข่งขัน จะอ้างอิงกับรถคันที่เราขับ

พอเข้าไปนั่งรถแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะเข้ามาช่วยคาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมกับตรวจเช็คความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเรารอคอย...ได้เวลาไปซิ่งแล้วครับ!

ผมและเพื่อนๆ ทยอยกันออกจากพิทเลนอย่างช้าๆ และขับเกาะกลุ่มเข้าสนามแข่งโดยทันที และทันทีที่รถแข่งเข้าสู่สนามครบทุกคัน เจ้าหน้าที่ก็จะปลดล็อคความเร็ว... และความมันส์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันทีครับ ...อย่างที่ผมคิดไว้แต่แรก มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อน สร้างแรงบิดได้ไม่เลวเลยทีเดียว เรียกได้ว่า...ดึงเอาเรื่อง และที่สำคัญ คันเร่งที่ใช้ควบคุมความเร็วของรถนั้น มีความสมูธและต่อเนื่องมากๆ (Linear ใช้ได้เลยครับ) เราสามารถแต่งความเร็วเข้า-ออกโค้งได้อย่างละเอียด นอกจากนั้นแล้ว ในจังหวะยกคันเร่ง ก็มีแรงหน่วงแบบเบาๆ ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ กับ Engine Brake ในเครื่องยนต์ ทำให้ในบางโค้ง...เราไม่จำเป็นจะต้องแตะเบรกเลย เพียงแค่ยกคันเร่งเบาๆ... เล็งไลน์...แล้วก็เติมคันเร่งสวนทันที

นอกจากระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจก็คือ ‘แรงยึดเกาะ’ ที่รถแข่งทำได้ เรียกได้ว่าสร้างกริป (Grip) ได้เยอะมากๆ ทำให้ผู้ขับมีความมั่นใจ และสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ ผมได้วิเคราะห์ปัจจัยออกเป็น 2 อย่าง

1. ตัวรถเอง มี CG ต่ำ และมีการบาลานซ์น้ำหนักที่ดีมาก

โดยพื้นฐานแล้ว รถโกคาร์ทไฟฟ้า จะอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งจะติดตั้งไว้ที่ด้านข้างของตัวรถทั้ง 2 ข้าง ในตำแหน่งที่ต่ำมากๆ การทำเช่นนี้ จะส่งผลให้รถแข่งมี CG ที่ต่ำลง รวมไปลดอาการโคลงของตัวรถ (Roll Movement) ทำให้ตัวรถสามารถสร้างแรงยึดเกาะได้สูงนั่นเองครับ

2. พื้นแทร็คยังคงใหม่ และสะอาด

พื้นแทร็คเป็นยางมะตอยที่ใหม่มาก ประกอบกับยางของรถแข่งที่ยังคงใหม่อยู่ ทำให้ตัวรถสามารถสร้างแรงยึดเกาะได้ดีนั่นเองครับ นอกจากนั้นแล้ว พื้นแทร็คยังมีความสะอาด ไม่มีเศษหิน เศษทรายในแทร็คเลย และด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้รถแข่งสามารถสร้างกริปได้เยอะแบบสุดๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากอึ้งกับกริปที่รถแข่งสร้างได้อยู่พักหนึ่ง ผมก็พยายามจะหาลิมิตของยาง โดยการเข้าโค้งแบบโอเวอร์สปีด ในจังหวะเข้าโค้งโดยใช้ความเร็วสูงเกินขีดจำกัด รถแข่งจะเกิดอาการโอเวอร์เสตียร์เล็กน้อย ในจังหวะนี้เองที่ทำให้เราได้ฝึกทักษะในการแก้อาการของรถ ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก และทักษะดังกล่าวนี้ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในการขับรถจริงได้

หลังจากขับไปได้ประมาณ 3-4 รอบ ผมก็เริ่มเข้าใจอาการของรถ และเริ่มจำไลน์สนามได้ ทำให้มั่นใจในการขับมากขึ้น ก็ยิ่งสนุกเลยครับทีนี้ และด้วยความที่ว่าแทร็คมีความกว้างมากๆ ทำให้เราสามารถลองหาไลน์ใหม่ๆ ที่คิดว่าน่าจะทำเวลาได้เร็วกว่าเดิม... หลังจากขับด้วยความมันส์อยู่พักใหญ่ ไฟสีแดงก็ได้ติดขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าหมด Session แล้วนั่นเอง ผู้เล่นทุกคนจะต้องขับรถด้วยความเร็วต่ำ เพื่อกลับเข้าพิท

หลังจากลงจากรถแล้ว พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะไปเช็คเวลาของตัวเอง หลังจากนั้นก็จับกลุ่มกันโม้อยู่พักใหญ่ ทันใดนั้นเอง ทางสนามก็ได้เชิญพวกเราไปลองโกคาร์ทอีกหนึ่งประเภท นั่นก็คือโกคาร์น้ำมัน 2 ที่นั่งนั่นเองครับ

สำหรับโกคาร์ท 2 ที่นั่งคันนี้ ก็เป็นรถนำเข้าจาก SODI เช่นกันครับ โดยจะมี 2 พวงมาลัย ซึ่งสามารถหมุนพร้อมกัน หรือจะขับคนเดียวก็ได้ สำหรับโกคาร์ทคันนี้เป็นรถน้ำมันที่ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 390 ซีซี ซึ่งแรงเอาเรื่องเลยครับ และที่สำคัญก็คือ ปลายจะไหลมากๆ และถึงแม้จะนั่งกันสองคน แต่ความเร็วในโค้งนั้น เร็วกว่ารถไฟฟ้าแบบนั่งคนเดียวครับ การควบคุมบังคับก็จะใช้เทคนิคแตกต่างกัน สำหรับรถน้ำมัน เราต้องพยายามรักษาให้รอบเครื่องสูงอยู่ตลอด ซึ่งเป็นช่วงที่เครื่องยนต์สร้างแรงบิดได้มากนั่นเองครับ

และหลังจากได้ลองทั้งรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน เราก็กลับมานั่งพักแล้วก็พูดคุยกันต่อ ส่วนตัวผมเองนั้น ก็ยังคงเสี้ยนคันเร่ง และวามอยากจะลงไปวิ่งเก็บเวลาอีก Session แต่แล้ว...ฝนก็โปรยลงมาทันที แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ พวกเราเลยอดซิ่ง และตัดสินใจที่นั่งคุยงานเพื่อสรุปประสบการณ์ในวันนี้กันครับ

ลองไปชมวิดีโอการขับรถโกคาร์ททั้งแบบไฟฟ้าและแบบน้ำมันกันครับ

 

วิดีโอ - REVIEW : รถโกคาร์ทไฟฟ้าและโกคาร์ทน้ำมัน ที่สนาม Impact Speed Park

สำหรับการมาขับโกคาร์ทในสนามนี้ ได้ทั้งความสนุกสนาน และได้ฝึกทักษะการควบคุมรถไปในตัว สิ่งที่พวกเราชอบอีกอย่างก็คือ ระบบความปลอดภัยของทั้งรถแข่งและสนามแข่ง สมกับเป็นสนามระดับสากลจริงๆ ทุกอย่างถูกจัดการอย่างมีระบบโดยโฟกัสไปที่ความปลอดภัยเป็นหลัก เรียกได้ว่าทั้งสนุกและปลอดภัย ตรงตามคอนเซปต์ “ใคร ๆ ก็สนุกเต็มสปีดได้”

สุดท้ายนี้ พวกผมและทีมงานก็ต้องขอขอบคุณทางสนาม Impact Speed Park สำหรับประสบการณ์แบบเต็มสปีด และสำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจอยากไปขับโกคาร์ทที่สนาม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage – Impact Speed Park หรือเว็ปไซต์ http://www.impactspeedpark.com/index.php/en/ ได้เลยครับผม

 

Get Connected | ติดต่อกับพวกเราได้ที่...