ถ้าพูดถึงรถยนต์ในคลาส D-Segment ที่น่าจับตามองที่สุดในบ้านเรา ก็คงจะหนีไม่พ้น Honda Accord Hybrid ซึ่งรุ่นปัจจุบันก็เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งมีการอัพเกรดระบบไฮบริด เพื่อเพิ่มแรงม้าและแรงบิดมาให้ใช้งาน
Honda Accord Hybrid TECH คันนี้ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0-ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดที่เรียกว่า i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive) ซึ่งสามารถให้ได้ทั้งความสนุกในการขับขี่ โดยมีแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 215 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดที่ 315 นิวตันเมตร และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประหยัดมากๆ โดยสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ประหยัดถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร
นอกจากระบบไฮบริดอัจฉริยะ i-MMD แล้ว ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของ Honda Accord Hybrid ก็คือมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ ที่ถูกใส่ให้มาแบบเต็มที่-ไม่มีกั๊ก ภายใต้เทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Honda Sensing นั่นเองครับ ซึ่งว่ากันว่า...ระบบนี้จะเข้ามาช่วยเหลือคนขับเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ ราวกับว่าเรามีผู้ช่วยขับมานั่งข้างๆ เลยทีเดียว
และวันนี้ ก็ถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้ทดสอบขับ Honda Accord Hybrid กันแบบจุใจ ซึ่งผมได้แบ่งการรีวิวเชิงทดสอบออกเป็นทั้งหมด 3 ตอนโดยในบทความนี้ จะเป็นตอนที่ 1 – โดยจะโฟกัสไปที่ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing พร้อมทั้งทดสอบการทำงานของระบบต่างๆ จากการขับขี่จริง เป็นต้นว่า ระบบ LKAS (Lane Keeping Assist System) ซึ่งเป็นระบบช่วยเพิ่มแรงหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถอยู่ในเลน รวมไปถึงระบบ ACC (Adaptive Cruise Control) หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
กล้องและเรดาร์ คือพื้นฐานของเทคโนโลยี Honda Sensing
ในรีวิวนี้ เราจะไปทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของเทคโนโลยี Honda Sensing ในการขับขี่บนถนนจริง ไปชมกันครับว่า Honda Sensing จะ ‘อัจฉริยะ’ อย่างที่เค้าว่า? หรือจะเป็นเพียงแค่ ‘ของเล่น’ เอาไว้เสริมหล่อเท่านั้น?
วิดีโอ – REVIEW : HONDA ACCORD HYBRID
(ตอนที่ 1 – ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Honda Sensing)
โดยพื้นฐานแล้ว ระบบ Honda Sensing จะประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นต่อไปนี้
1. ACC (Adaptive Cruise Control) – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่เราได้ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความสะดวกสะบายและความปลอดภัยในการขับขี่
2. CMBS (Collision Mitigation Braking System) – ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก
เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญานเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสียงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
3. LKAS (Lane Keeping Assist System) – ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยผู้ขับให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับ
4. RDM (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning (LDW)) – ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
นอกจากระบบ Honda Sensing แล้ว Honda Accord Hybrid ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากมาย
1. ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง
2. กล้องส่องภาพด้านหลังสามารถปรับมุมได้ถึง 3 ระดับ คือ 130 องศา, 180 องศา และ มุมมองจากด้านบน
3. Honda Lane Watch กล้องแสดงภาพมุมอับทางด้านซ้ายของตัวรถ ขณะเปลี่ยนเลน
4. Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน
5. Daytime Running Light (DRL) ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
6. Acoustic Vehicle Alerting System (AVAS) เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเตือนให้ทราบว่ามีรถอยู่ในระยะใกล้
เรียกได้ว่าครบเครื่องจริงๆ ครับ สำหรับระบบความปลอดภัยจากเทคโนโลยี Honda Sensing เหมือนกับว่ามีผู้ช่วยขับมาช่วยบอกช่วยเตือนอยู่ตลอดเวลา นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายแล้ว ยังทำให้เราสามารถผ่อนคลาย ลดความเมื่อยล้าระหว่างขับขี่ได้อีกด้วย
และสำหรับรีวิว Honda Accord Hybrid ก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ ในตอนที่ 2 เราจะไปเจาะลึกถึงขุมกำลัง Hybrid ที่ทำให้ Accord คันนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นซีดานที่ร้อนแรงที่สุดในคลาส D-Segment เราจะไปค้นหาความลับกันว่า...มีปัจจัยเชิงเทคนิคอะไรบ้าง ที่ทำให้ Accord Hybrid ทั้งแรงและก็ประหยัดน้ำมัน โดยท่านผู้อ่านสามารถติดตามได้ที่ แฟนเพจ Joh’s Autolife ได้เลยครับผม