เรียบเรียงโดยJoh Burut
เมื่อปี-สองปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและร่วมงานกับคนญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง ระหว่างนั้น...ผมเกิดคำถามขึ้นในใจตลอดเวลา... ทำไมประเทศเล็กๆ แห่งนี้ ถึงได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำของโลก ทำไมเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ถึงได้มีอิทธิพลต่อโลกมากมายถึงขนาดนี้
หลังจากหาคำตอบอยู่พักใหญ่ ผมคิดว่าคำตอบนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับภูมิประเทศ, ทรัพยากร หรือว่าเทคโนโลยีแต่อย่างใด หากแต่ว่า...คำตอบนั้น..อยู่ในตัวของ คนญี่ปุ่น ทุกคน
คนญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นอย่างชัดเจนนั่นก็คือ ความอุทิศตัว ลูกหลานซามูไรเหล่านี้อุทิศตัวเพื่อ หน้าที่การงาน อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พวกเขาเกิดมาเพื่อ ทำงาน ...นั่นทำให้คนญี่ปุ่นกลายเป็นคนที่มีเป้าหมายอย่างแน่วแน่ ...พวกเขารู้ว่าพวกเขาเกิดมา เพื่อทำอะไร
...บางคนเกิดมาเพื่อเป็น คนปั้นซูชิ ( )
...บางคนเกิดมาเพื่อเป็น มนุษย์เงินเดือน ()
...บางคนเกิดมาเพื่อเป็น ฮาชิริยะ () ซึ่งแปลว่า... นักซิ่ง
ในบทความนี้ ผมจะพาไปรู้จักกับปรมาจารย์รถซิ่งแห่งแดนอาทิตย์อุทัยทั้งหมด 5 ท่าน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อวงการรถซิ่งมากที่สุดในยุคนี้ ทั้ง 5 คนนี้ ...ถึงแม้จะทำงานในสายอาชีพที่ต่างกัน ไล่ตั้งแต่นักแข่งรถ จูนเนอร์ ไปจนถึงนักออกแบบชุดแต่ง ...แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือการอุทิศชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่เขารัก
และนี่ก็คือเรื่องราวของ ตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ แห่งวงการรถซิ่งของแดนซามูไร...
1. เคอิชิ ซึชิยะ (Keiichi Tsuchiya)
ผมคิดว่า...คงไม่มีใครไม่รู้จัก ดริฟท์ คิง คนนี้ ...จากนักซิ่งสายสตรีท...สู่นักแข่งมืออาชีพ ...จากถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยว...สู่สนาม เลอมังซ์ อันโด่งดัง และนี่ก็คือนักแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลแห่งแดนอาทิตย์อุทัย... เคอิชิ ซึชิยะ
ซึชิยะ หลงใหลในการขับรถตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนสอนแข่งรถแต่อย่างใด ซึชิยะพัฒนาทักษะการขับรถมาจากการซิ่งบนถนน โดยเฉพาะถนนในภูเขา หรือที่เรียกว่า โท-เก้ (Tou-Gei) ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยโค้งอันตราย ซ้ายก็หน้าผา ขวาก็กำแพง และนี่ก็เป็นสถานที่ที่เขาเรียนรู้เทคนิคการควบคุมรถที่ยากจะหาคนเลียนแบบได้
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการซิ่งบนถนนอย่างโชกโชน ซึชิยะ ก็เริ่มต้นชีวิตนักแข่งรถจริงจังในปี 1977 เขาเริ่มต้นจากการแข่งขันในรุ่นสมัครเล่น หลังจากนั้นก็พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายมาเป็นนักแข่งอาชีพ ต่อมาเขาได้ถูกเรียกตัวเข้าทีม แอดแวน (Advan) ซึ่งรถที่ขับคือ โตโยต้า AE-86 และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่โด่งดังที่สุดของเคอิชิ ซึชิยะ
ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันเซอร์กิต แต่ซึชิยะก็ใช้เทคนิคเข้าโค้งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นก็คือการดึงเบรกมือเพื่อให้ท้ายรถสะบัด ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นสไตล์การขับของซึชิยะในเวลาต่อมา และนี่ก็คือต้นกำเนิดที่แท้จริงของการ ดริฟท์ ซึ่งภายหลังได้พัฒนามาเป็นมอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประเภทหนึ่ง
ซึชิยะเคยกล่าวไว้ว่า เขาไม่ได้ดริฟท์เพื่อให้รถเข้าโค้งได้เร็วขึ้น...แต่เขาดริฟท์เพราะว่ามัน สนุก การดริฟท์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเร็วเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับสไตล์การขับและการควบคุมรถ
ผิดกับนักแข่งรถมืออาชีพคนอื่นๆ ที่จะเกษียณตัวเองเมื่ออายุขึ้นเลข 4 ...แต่ว่า ดริฟท์ คิง คนนี้ ถึงแม้จะอายุครบ 60 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังวนเวียนอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอยู่ไม่ห่าง มอเตอร์สปอร์ต คือลมหายใจของเขา ...การแข่งรถ คือชีวิตของเขา...
2. สโมคกี้ นากาตะ (Smokey Nagata)
คาซุฮิโคะ นากาตะ (Kazuhiko Nagata) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สโมคกี้ นากาตะ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสำนักรถซิ่งชื่อดัง ท็อป ซีเคร็ท (Top Secret) ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในการจูนรถซิ่งแรงม้าสูง เอกลักษณ์ของรถซิ่งสำนักนี้ก็คือบอดี้ที่ถูกเพนท์ด้วย สีทอง
ลุงสโมคกี้ เข้าสู่วงการรถซิ่งโดยการเป็นช่างประจำของสำนักแต่งชื่อดังแห่งญี่ปุ่น นั่นก็คือ ทรัสท์ (TRUST) ...หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจมาเปิดอู่ของตัวเอง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสำนัก ท็อป ซีเคร็ท
ด้วยความที่เป็นคนชอบซิ่งบนถนนเป็นชีวิตจิตใจ รถแต่งของสำนักนี้จึงมีแต่รถซิ่งสายสตรีท เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นรถของ ท็อป ซีเคร็ท โลดแล่นในสนามเซอร์กิต แต่ถ้าเห็นซูปร้าสีทองวิ่งอยู่บนทางด่วนตอนกลางคืนแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเดาให้ยากเลย ...ท็อป ซีเคร็ท แน่นอน
นอกจากขึ้นชื่อในเรื่องการโมดิฟายเครื่องยนต์และจูนนิ่งแล้ว ลุงสโม้คกี้ยังถูกรู้จักในฐานะของ คนคลั่งความเร็ว แบบสุดขั้ว งานอดิเรกของลุงแกคือการเอารถซิ่งขึ้นไปวิ่งทำลายสถิติบนทางด่วน วังกัง (Wangan) ซึ่งเป็นสวรรค์ของนักซิ่งแห่งเมืองโตเกียว ...ซิ่งกันที 300+ กม./ชม.! ขับเร็วขนาดนั้น...รถแรงอย่างเดียวไม่พอ...ใจต้อง ถึง ด้วย
เอกลักษณ์อีกอย่างของลุงสโม้คกี้ก็คือว่า ก่อนจะวิ่งทำลายสถิติ ลุงแกจะเบิร์นยางจนควันท่วมทุกครั้ง และนี่ก็เป็นที่มาของฉายา สโมคกี้ นั่นเอง ส่วน โตโยต้า ซูปร้า สีทองในคลิปข้างล่างนี้ เป็นรถอีกหนึ่งคันที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ท็อป ซีเคร็ท มากที่สุด
ด้วยความที่ว่าลุงสโมคกี้เป็นคนที่ชื่นชอบการซิ่งบนถนนเป็นชีวิตจิตใจ นั่นทำให้แกต้องไปป้วนเปี้ยนแถวๆ คุกแถวๆ ตารางอยู่บ่อยๆ ไม่เพียงแต่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ...ทางด่วนของประเทศอังกฤษ หรือจะเป็นไฮเวย์ของประเทศอิตาลี ลุงแกก็ไปซิ่งป่วนเมืองมานับไม่ถ้วน จนถึงขั้นที่มีคนตั้งฉายาให้แกว่า อาชญากรข้ามชาติ
ถึงแม้จะมีเรื่องกับตำรวจอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลุงแกคิดจะเลิกซิ่งรถเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้ลุงแกต้องพัฒนารถคันใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเก่า โดยมีวัตถุประสงค์เดียวก็คือ เพื่อทำลาย สถิติเดิม ...นี่แหละ แว็นซ์ตัวพ่อ แห่งแดนอาทิตย์อุทัย...
3. อะกิระ นาไค (Akira Nakai)
ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านน่าจะคุ้นตากับวิดีโอเกี่ยวกับรถปอร์เช่ 911 ที่ถูกไวด์-บอดี้แบบอลังการงานสร้าง ซึ่งวิดีโอเหล่านี้ถูกอัพโหลดลง ยูทูป แทบจะทุกเดือนจนกลายเป็นกระแสในวงการรถซิ่ง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังของปอร์เช่สุดเซ็กซี่เหล่านี้ก็คือ อากิระ นาไค แห่ง RWB หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ นาไค-ซัง
นาไค-ซัง เป็นผู้ก่อตั้งสำนักแต่งรถ Rauh Welt Begriff หรือรู้จักกันในชื่อย่อว่า RWB ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น งานหลักๆ ของอู่นี้จะเป็นงานบอดี้พาร์ท ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อรถปอร์เช่โดยเฉพาะ ถึงแม้จะเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของอู่แห่งนี้ แต่นาไค-ซังจะลงมือทำรถของลูกค้า ด้วยมือตัวเอง ทุกคัน
นาไค-ซัง หลงรักความโค้งเว้าของบอดี้ 911 ตั้งแต่เป็นเด็ก หลังจากที่ได้เป็นเจ้าของปอร์เช่ 911 ...เขาเริ่มต้นสร้างบอดี้พาร์ทให้กับรถของตัวเอง และหลังจากนั้นเพียง 6 ปี นาไค-ซัง ก็ได้ก่อตั้ง RWB ซึ่งได้กลายมาเป็นสำนักบอดี้พาร์ทที่โด่งดังที่สุดในยุดนี้
ปอร์เช่ของ RWB ทุกคันต้องสามารถวิ่งในสนามแข่งได้ ...ไม่ใช่แค่แต่งมาเพื่อจอดโชว์ ประโยคนี้เป็นหลักการของนาไค-ซัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า RWB ไม่ใช่สำนักแต่งที่เน้นแต่เพียงความสวยงาม แต่ว่าสมรรถนะของตัวรถนั้น ก็ต้องไม่เป็นสองรองใคร
ปัจจุบัน สำนักแต่ง RWB ขยายสาขาไปทั่วโลกมากกว่า 10 ประเทศ เป็นต้นว่า สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมไปถึงบ้านเราไทยแลนด์ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของลัทธิปอร์เช่ ไวด์-บอดี้ ...สวยแต่โหด...เซ็กซี่แต่เถื่อน
4. โนบุเทรุ ทานิกูชิ (Nobuteru Taniguchi)
เขาคือแชมป์ D1 กรังปรีซ์ในปี 2001 - รายการดริฟท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และแชมป์ Super GT ในปี 2011 รายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ...เชิญพบกับนักแข่งร่างใหญ่มาดสุขุมจากเมืองฮิโรชิมา โนบุเทรุ ทานิกูชิ (Nobuteru Taniguchi)
น็อบ (NOB) เป็นชื่อเล่นของ ทานิกุชิ ซึ่งเป็นย่อมาจาก โนบุเทรุ และตัวอักษร NOB ก็ย่อมาจากคำว่า No One Better แปลตรงตัวได้ว่า ไม่มีใครดีกว่านี้แล้ว...
เช่นเดียวกันกับ ดริฟท์ คิง อย่าง เคอิชิ ซึชิยะ ...ทานิกุชิ ก็เติบโตมาจากการซิ่งบนถนนสาธารณะ แต่ต่างกันตรงที่ ซึชิยะ เริ่มต้นพัฒนาทักษะโดยการขับซิ่งบน โท-เก้ ซึ่งจะเน้นไปทางกริป และหลังจากนั้นจึงผันมา ดริฟท์ แบบเต็มตัว...
ส่วน ทานิกุชิ นั้น เริ่มซิ่งแบบสตรีทดริฟท์มาก่อน และหลังจากเข้าวงการจึงหันไปเอาดีทางด้านกริป ซึ่งก็คือการแข่งขันซุปเปอร์จีที นั่นเอง
ทานิกุชิ พัฒนาทักษะการคอนโทรลรถมาจากการดริฟท์บนถนนในภูเขาของเมืองฮิโรชิมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง ทักษะนี้ทำให้เขาสามารถต่อยอดไปสู่การแข่งขันเซอร์กิตและก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งหัวแถวอย่างรวดเร็ว จุดเด่นของทานิกุชิอยู่ที่การควบคุมรถในขณะที่รถเสียอาการ เขาเป็นคนที่สามารถแก้อาการเพื่อให้รถกลับมาเป็นปกติได้อย่างทันที ซึ่งเทคนิคนี้เป็นเทคนิคเดียวกันที่ใช้ควบคุมรถดริฟท์
ทานิกุชิ เป็นหนึ่งในนักแข่งไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ได้แชมป์ทั้งประเภท ดริฟท์ และ กริป ...อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้แชมป์มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทานิกุชิก็ยังพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งที่ฝีมือดีที่สุดและน่ายกย่องที่สุดในยุคนี้
5. เค มิวระ (Kei Miura)
ร็อคเก็ท บันนี่ ...ได้กลายเป็นชื่อที่ติดหูสาวกรถซิ่งไปเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าบอดี้พาร์ทที่ถูกสร้างโดยสำนักแต่งรถเล็กๆ จากเมืองเกียวโตที่ชื่อว่า TRA จะกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก
สำนัก TRA ย่อมาจาก Tops Racing Arts ถูกก่อตั้งโดยช่างทำพอดี้พาร์ทอัจฉะริยะ นั่นก็คือ คุณมิวระ หรือ มิวระ-ซัง นั่นเอง
มิวระ-ซัง นำเอารูปแบบการแต่งรถเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน มาประยุกต์กับรถรุ่นใหม่ อย่างเช่น โตโยต้า 86, นิสสัน ซิลเวีย S13 รวมไปถึง มาสด้า RX-7 ...โป่งเย็บสไตล์เร็ทโทร ฟิตเมนท์แบบเบียดๆ สปอยเลอร์แบบหางเป็ด กลายเป็นเทรนด์ที่ขาซิ่งทั่วโลกต้องทำตามอย่างปฏิเสธไม่ได้
มิวระ-ซัง เป็นศิลปินที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างชาญฉลาด ขณะที่สำนักพอดี้พาร์ทอื่นๆ ในญี่ปุ่นยังคงออกแบบโดยการสเก็ตภาพลงบนกระดาษ แต่มิวระกระโดดออกมาจากยุคมนุษย์ถ้ำ เขาใช้โปรแกรม 3D เพื่อเรนเดอร์บอดี้พาร์ทของรถแต่ละรุ่น นั่นทำให้เขาสามารถเห็นภาพรถโปรโตไทป์ได้แบบ 3 มิติในเวลาอันสั้น
หลังจากกระบวนการออกแบบเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการ ขึ้นโมล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและกินเวลามากที่สุด แต่ศิลปินอัจฉริยะอย่างมิวระ-ซังได้เลือกที่จะขึ้นโมลโดยการใช้เครื่อง CNC เพียงป้อนไฟล์ที่เขาออกแบบจากโปรแกรม 3D เข้าสู่เครื่อง CNC จากนั้นก็แค่เพียงนอนรอให้โมลเสร็จสมบูรณ์ และนี่ก็เป็นความลับที่ทำให้เขาสามารถออกแบบและผลิตบอดี้พาร์ทโดยใช้เวลาที่สั้นมากๆ จากเริ่มต้นจนเสร็จสิ้นนั้น กินเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นเอง
และนี่ก็คือหนึ่งในปรมาจารย์รถซิ่งที่สามารถผสมผสานระหว่างโลกยุคใหม่กับโลกคลาสสิคได้อย่างลงตัว หวังว่าอีกไม่นาน เราคงได้เห็นผลงานที่น่าทึ่งของสำนัก กระต่ายบิน อีกแน่นอน...
สิ่งที่ทำให้ปรมาจารย์ทั้ง 5 คนนี้ได้รับการยกย่องจากคนทั่วโลกนั้น ...ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่น ...ไม่ใช่เพราะว่าเขามีโอกาสมากกว่าคนอื่น หากแต่เป็นความอุตสาหะในการฝึกฝนและพัฒนาฝีมือต่างหาก ที่ทำให้พวกเอากลายมาเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่...
ความยิ่งใหญ่...ไม่ได้วัดกันที่ขนาดของ ร่างกาย
แต่วัดกันที่...ขนาดของ การกระทำ
โซอิจิโระ ฮอนดะ - ผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้า
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความถัดไป ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ แฟนเพจของเราเลยครับผม
ขอบคุณครับ :)