บทความนี้สนับสนุนโดย PENRITE THAILAND
แคตตาไลติก คอนเวิร์ตเตอร์ (Catalytic Converter) หรือเรียกสั้นๆ ว่า แคต คืออุปกรณ์ที่ประจำการอยู่บริเวณท่อไอเสีย มีหน้าที่ทำให้ไอเสียมีความสะอาดมากขึ้นโดยอาศัยกระบวนการทางเคมี ก๊าซตัวนี้ผสมตัวนั้น-ตัวนั้นแลกเปลี่ยนกับตัวนี้ ส่งผลให้สุดท้ายแล้ว... ไอเสียที่ออกมาจึงมีความเป็นพิษที่น้อยลงนั่นเองครับ
จะเห็นได้ว่าเจ้า แคต เนี่ย มีหลักการทำงานที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย เพราะว่ามันมีหน้าที่เพียงแค่ กินไอเสียสกปรก-และ-คายไอเสียสะอาด ออกมา...แต่หารู้ไม่ว่า ความจริงแล้ว....มันซับซ้อนกว่านี้หลายขุมเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่า แคต จะมีบทบาท ผู้ดี ในฐานนะช่วยลดปริมาณมลพิษของไอเสีย ในขณะเดียวกัน เจ้านี่ก็คือ วายร้ายตัวฉกาจ ...เนื่องจากว่า ระหว่างที่มันกินไอเสียเข้าไปนั้น มันได้แอบ กลืนแรงม้า เข้าไปส่วนหนึ่งด้วย...
ใช่แล้วครับ เนื่องจากว่า แคต นั้น มีลักษณะภายในเป็นรูปทรงคล้ายรังผึ้ง เพราะเหตุนี้ มันจึงไป กีดขวาง ทางเดินของไอเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอบสูง ส่งผลให้แรงม้าที่เครื่องยนต์สร้างได้นั้น มีค่า น้อยกว่า ที่ควรจะเป็น...
สำหรับคนที่ชื่นชอบสมรรถนะ ที่จะยอมปรับแต่งทุกอย่างเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถเค้นกำลังออกมากให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มีแรงม้ามากที่สุด แคต จึงกลายมาเป็นเพียง ตัวถ่วง มันจึงถูกตัดทิ้งอย่างไม่ใยดี หรือไม่ก็ถูกทะลวงไส้อย่างไม่แยแส
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่เป็นการทำร้ายโลกของเราให้มากกว่านี้ ในปัจจุบัน...จึงมีผลิตภัณฑ์ประเภท แคทซิ่ง หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่า High-flow Cat (ไฮ-โฟลว แคต) ซึ่งแคตซิ่งแบบใหม่นี้ จะมีความ โล่ง มากกว่า แคตเดิม จากโรงงาน ทำให้ไอเสียสามารถ เดินได้-สะดวก มากขึ้น ในขณะเดียวกัน มันก็ยังช่วยคัดกรองมลพิษ เพื่อทำให้ไอเสียมีความสะอาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เปรียบเทียบความเร็วการไหลของไอเสีย
ระหว่าง ไม่มีแคต (รูปบน) และมีแคต (รูปล่าง)
มาถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า...เอา แคต ออกแล้วมันแรงมากขึ้นแค่ไหน
คำถามนี้ เป็นคำถามที่ตอบได้ยากมากครับ สำหรับรถบางรุ่นนั้น ตัวแคตได้ถูกออกแบบมาเพื่อคัดกรองไอเสียอย่างละเอียด นั่นทำให้ภายในของแคตเต็มไปด้วยรูพรุนขนาดเล็กที่ชโลมไว้ซึ่งสารดักไอเสีย (กีดขวางไอเสียมากเกิน) ถ้าหากว่าเป็นเครื่องยนต์ประเภทนี้ ถ้าเอาแคตออกแล้ว รับรองว่าแรงขึ้นจนเห็นความแตกต่างอย่างแน่นอน
เปรียบเทียบความดันของไอเสีย
ระหว่าง ไม่มีแคต (รูปบน) และมีแคต (รูปล่าง)
แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้ แคตขนาดเล็ก (ไม่ค่อยกีดขวางไอเสีย) เนื่องจากว่าตัวเครื่องยนต์เองนั้น สามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ไอเสียที่ออกมา จึงมีมลพิษที่ต่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้ แคต ลูกใหญ่แต่อย่างใด ถ้าหากเป็นกรณีนี้ การตัดแคตออก อาจจะไม่เกิดความแตกต่างเลยก็เป็นได้
Ferrari F40 เป็นรถยนต์ที่ไม่มีแคตตาไลติก มาตั้งแต่โรงงาน
นอกจากนั้นแล้ว ผลเสียของการตัด แคต ทิ้ง รวมไปถึงการทะลวงไส้ก็คือว่า อย่างแรกก็คงหนีไม่พ้นกลิ่นไอเสียที่ฟุ้งมาตั้งแต่รอบเดินเบา ความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่แค่กลิ่นเท่านั้นที่ไหลเข้ารูจมูกเรา หากแต่เป็นมลพิษไอเสีย ทั้งคาร์บอน-มอนน็อกไซด์ รวมไปถึงไฮโดรคาร์บอน ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตโดยตรง
เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะคิด จะ-ถอด-จะ-ทะลวง ก็ควรคิดถึงผลลัพธ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบอย่างรอบคอบ และที่สำคัญ อย่านึกถึงแต่ตัวเอง ให้นึกถึงคนรอบข้าง รวมถึงหมีขั้วโลกด้วย
รถแข่งในรายการ Supercar Championship
จะถอดท่อแคตออกและใส่ไส้ตรงแทนที่
เอาล่ะ สำหรับสายซิ่ง-สายแข่ง ที่ต้องการเค้นแรงม้าอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง...ท่อ แคต ก็เปรียบเสมือนเป็น ภาระ ที่ต้องตัดทั้งอย่างช่วยไม่ได้ แต่สำหรับรถบ้านใช้งานอย่างเราๆ ก็อย่าไป กระทุ้ง-กระทำ หรือว่าตัดมันทิ้งไปเลยครับ ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันต่อไปเถอะ
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา... แคต ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้มันจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานตลอดอายุไขของรถยนต์ แต่เมื่อใช้ไปสักพักหนึ่ง ประสิทธิภาพไหลของไอเสียก็จะลดลงอย่างมาก เริ่มมีการอุดตัน เป็นผลให้สมรรถนะของเครื่องยนต์ด้อยลงกว่าความเป็นจริง
ทางออกที่ดีและง่ายที่สุดก็คือ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เป็นมิตรกับระบบกรองไอเสีย ซึ่งปัจจุบันนั้น...น้ำมันเครื่องประเภทนี้ จะช่วยลดปริมาณการเกิดของเขม่าซึ่งจะไปสะสมตัวอยู่ที่ แคต น้ำมันเครื่องประเภทที่ว่านี้ คือน้ำมันเครื่องที่รับรองมาตรฐาน API SN GF-5 ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์เบนซิน โดยสามารถลดการเกิดเขม่าที่เกิดขึ้นระหว่างการเผาไหม้ ที่ส่วนหนึ่งจะสมสมตัวอยู่ที่หัวลูกสูบ อีกส่วนหนึ่งจะไหลรวมกับไอเสียและไปสะสมตัวอยู่ที่ 'แคต' เพราะฉะนั้นแล้ว นอกจากน้ำมันเครื่องมาตรฐาน API SN GF-5 จะสามารถยืดอายุการใช้งานของ แคต ได้ยาวนานแล้ว ยังช่วยรักษาเครื่องยนต์ให้สะอาด ปราศจากเขม่าจากการเผาไหม้อีกด้วย
สำหรับสาวกควันดำดีเซลนั้น ก็ควรจะใส่ใจระบบกรองเสียให้เป็นพิเศษ เพราะระบบกรองไอเสียของเครื่องดีเซลนั้น มีความซับซ้อนและสามารถอุดตันได้ง่ายกว่าเครื่องเบนซิน และน้ำมันเครื่องที่เป็นมิตรกับระบบกรองไอเสียเครื่องดีเซลก็คือ น้ำมันเครื่องมาตรฐาน API CK4 ซึ่งถือเป็นน้ำมันเครื่องมาตรฐานสูงสุด ณ ขณะนี้ สามารถลดปริมาณของเขม่าไฮโดรคาร์บอน รวมไปถึงอนุภาคของไอเสียดีเซลที่เรียกว่า Soot ด้วยเหตุนี้ ทำให้ แคต ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป โอกาสที่จะเกิดการอุดตันจึงลดลงนั่นเองครับ
กรอง DPF ของเครื่องยนต์ดีเซล
กรอง DPF เกิดการอุดตัน
และในขณะนี้ น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงที่ผมพูดมานี้ ก็สามารถหาซื้อได้แล้วในบ้านเราไทยแลนด์ ภายใต้แบรนด์ PENRITE น้ำมันเครื่องอันดับหนึ่งจากประเทศออสเตรเลีย มีให้บริการทั้ง 2-มาตรฐานดังที่ได้กล่าวมา ทั้งเบนซินและดีเซล เชิญร่วมพิสูจน์ความเหนือชั้นที่มากด้วยคุณภาพของน้ำมันเครื่อง PENRITE ได้แล้ว วันนี้!
สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจในตัวผลิตภัณฑ์ และต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้โดยตรงที่ แฟนเพจ Penrite Thailand : น้ำมันเครื่องเพนไรท์หรือโทร 02 463 8377 9
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
PENRITE THAILAND DISTRIBUTOR
ผู้นำเข้าและจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
บริษัท ไฮเท็คซ์ปิโตรเคมีคอล (ประเทศไทย) จำกัด
315 ถนน สุขสวัสดิ์ เขต ราษฎร์บูรณะ อำเภอ ราษฏร์บูรณะ กทม 10140
โทร : 02 463 8377 - 9