เรียบเรียงโดยJoh Burut

เมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านน่าจะคุ้นตากับภาพของแลมโบกินี อเวธาดอร์สีส้ม ที่กลายเป็นสีส้มสุดร้อนแรง เพราะว่ามันถูกไฟไหม้อยู่กลางสะพานของประเทศดูไบ โชคดีที่คนขับและผู้โดยสารไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

มันเป็นเรื่องน่าแปลกมาก สำหรับรถซูปเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้านที่ต้องมาสังเวยให้กับเปลวเพลิง เพียงเพราะการเบิ้ลเครื่องโชว์ออฟที่กลางสี่แยกไฟแดง แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทางแลมโบกินีไม่ได้ออกมาประกาศเรียกคืนรถ หรือที่เรียกว่า รีคอล (Recall) และไม่มีแม้กระทั่งการชี้แจงหรือแก้ข่าวใดใด...

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ คำถามนี่ก็ได้กลายเป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบไปโดยปริยาย เนื่องจากแลมโบกินีไม่ได้ปริปากถึงปัญหาของตัวรถแต่อย่างใด ...เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว

http://www.motoringexposure.com/

ถึงแม้ทางแลมโบกินียังปกปิดสาเหตุที่แท้จริงเอาไว้ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้วิเคราะห์สาเหตุที่มีความจะเป็นไปได้ว่าเป็นต้นตอของเพลิงไหม้ครั้งนี้

หลายคนลงความเห็นกันว่า การติดไฟนั้นเกิดจากการที่น้ำมันที่เหลือจากการเผาไหม้ (Unburned fuel) ไปเกาะอยู่ที่ตะแกรงด้านหลังของกันชนท้าย การเบิ้ลเครื่องแบบซ้ำๆนั้น ยิ่งทำให้ละอองน้ำมันจับตัวกันเป็นหยด คราวนี้พอมันเจอกับไฟจากท่อไอเสียเมื่อไหร่...ก็เตรียมถังดับเพลิงได้เลยครับ ไฟลุกแน่นอน

แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ลงความเห็นกันว่า ปัญหานี้น่าจะเกิดจากวัสดุที่ถูกนำมาใช้ทำเป็นตะแกรงของกันชนท้าย ถึงแม้ทางแลมโบกินีจะเลือกวัสดุที่ทนความร้อนได้แล้วก็จริง แต่ทว่าการเบิ้ลเครื่องซ้ำๆนั้น ก็อาจจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณภูมิสูงจนกระทั่งติดไฟก็เป็นได้

นอกจากกระทิงตัวล่าสุดอย่าง อเวนธาดอร์ แล้ว กระทิงรุ่นอื่นๆก็มีปัญหาเรื่องไฟไหม้ไม่แพ้กัน แต่ทว่าสาเหตุของปัญหานั้นแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ผมจึงคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ถ้าเราย้อนกลับไปดู ประวัติเรื่องการเรียกคืนรถ ของแลมโบกินีในรุ่นก่อนหน้านี้ เราอาจจะได้พบกับเบาะแสบางอย่างก็ได้นะ...

ปี 2010 : Lamborghini Mucielago ถูกเรียกคืนทั้งหมด 428 คัน

http://free-hq-wallpapers.com/

กระทิงร่างใหญ่อย่าง Lamborghini Mucielago (แลมโบกินี มูเชียลาโก) โมเดลปี 2007-2008 ถูกเรียกคืนทันทีหลังจากที่ตรวจพบว่ามีปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับระบบเชื้อเพลิงที่อาจจะก่อให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากตัวยึดปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลมีความเป็นไปได้ที่น้ำมันจะรั่วและอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ในห้องเครื่องยนต์

ทางแลมโบกินี ได้ออกมารับผิดชอบโดยการเปลี่ยนถังน้ำมันพร้อมปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

http://thesupercarkids.com/

ปี 2012 : Lamborghini Gallardo ถูกเรียกคืนทั้งหมด 1500 คัน

www.kaizenwallpaper.com

กระทิงรุ่นเล็กพริกขี้หนูก็ไม่วาย ถูกเรียกคืนทันทีหลังพบว่ามีปัญหาในเรื่องของระบบขับเลี้ยว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการลุกไหม้ภายในห้องเครื่องยนต์

Lamborghini Gallardo (แลมโบกินี กาญาโด) โมเดลปี 2004-2006 ถูกเรียกตัวกลับฐานทัพทันทีเมื่อพบว่ามีความเป็นไปที่จะเกิดการรั่วของน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ซึ่งเกิดจากการสึกหรอของท่อไฮดรอลิคซึ่งอยู่ใกล้ๆปั๊มน้ำมันพาวเวอร์ ถ้าหากว่าเกิดการรั่วขึ้นมา จะสามารถติดไฟได้ทันทีและลุกลามไปที่เครื่องยนต์ได้อย่างง่ายดาย

และปัญหานี้ ทางแลมโบกินีก็ได้ออกมารับผิดชอบโดยการอัพเกรดระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ใหม่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

oncar.in

และนี่ก็เป็นเหตุการณ์เรียกคืนรถของแลมโบกินีที่กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการซูปเปอร์คาร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้น เหตุการณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของแลมโบกินีด่างพร้อยลงไปแม้แต่นิดเดียว ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้แลมโบกินีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้มีอคติกับแลมโบกินีนะครับ ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงกรณีศึกษาเท่านั้น ยังมีซูปเปอร์คาร์อีกหลายค่ายที่ ไวไฟ ไม่แพ้กระทิงของแลมโบ ไม่ว่าจะเป็นซูปเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่าง แมคลาเรน (McLaren) หรือแม้กระทั่งม้าพยองอย่างเฟอร์รารี่ก็เคยลุกเป็นไฟมาแล้วหลายต่อหลายคัน

www.carnewschina.com

ซูปเปอร์คาร์ กับ ไฟ เป็นอะไรที่มาคู่กันอยู่แล้ว...งั้นเหรอ

เครื่องยนต์ระดับ 700 แรงม้า รอบเครื่องยนต์เกือบหมื่นรอบ แน่นอนว่า ความร้อนมันก็ต้องสูงกว่าเครื่องยนต์ปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก่อนจะขึ้นไปคุมบังเหียนรถซูปเปอร์พวกนี้ การศึกษาถึงข้อจำกัดของตัวรถจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันจะขึ้นชื่อว่าซูปเปอร์คาร์ ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีจุดด้อยนะครับ...

ขับรถปลอดภัยนะครับทุกท่าน ;)

www.carnewschina.com

Page cover : http://gtspirit.com/

เรียบเรียงโดยJoh Burut

Get Connected | ติดต่อกับพวกเราได้ที่...